RPCเท4พันล.ผุดโรงกลั่นปั๊มเท่าตัว

BackMar 15, 2008

ระยองเพียวริฟายเออร์เร่งโต ตั้งงบลงทุน 3,000-4,000 ล้านบาท ตั้งโรงกลั่นน้ำมันใหม่ เพิ่มกำลังผลิตเท่าตัวเป็น 3.5 หมื่นบาร์เรล/วัน

นายศุภพงษ์ กฤษณกาญจน์ ประธานกรรมการบริหาร ระยองเพียวริฟายเออร์ (RPC) กล่าวว่า บริษัทจะใช้เงินทุนในการก่อสร้างโรงกลั่นน้ำมันแห่งใหม่ ประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท โดยแหล่งเงินจะมาจากการออกหุ้นกู้ หรือเพิ่มทุน หรือกู้ยืมจากสถาบันการเงิน

ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินอยู่ 1,400 ล้านบาท และมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เพียง 0.6 เท่า หากจะเพิ่มกู้เงินเพื่อเพิ่ม D/E เป็น 3.5 เท่าก็ไม่สูงสำหรับธุรกิจโรงกลั่น

สำหรับการจัดตั้งโรงกลั่นแห่งใหม่จะช่วยเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันโดยรวมของบ ริษัทขึ้นเป็น 3.5 หมื่นบาร์เรล/วัน จากปัจจุบันที่มีอยู่ 1.7 หมื่นบาร์เรล/วัน และสามารถนำคอนเดนเสท เรสซิดิ ซึ่งซื้อจาก บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์ (PTTAR) มาใช้ร่วมกันได้เพื่อให้ได้ผลผลิตเป็นน้ำมันและเคมีภัณฑ์ที่มีคุณภาพทั้งนี้ บริษัทให้ความสนใจพื้นที่ตั้งโรงกลั่นแถบชายทะเล โดยเฉพาะ จ.เพชรบุรี เป็นพิเศษ

สำหรับการก่อสร้างโรงงานผลิตไบโอดีเซลของบริษัทในเครือที่มีกำลังผลิต 3 แสนลิตร/วันนั้น คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ในเดือน ก.ค.นี้ ที่ประมาณ 1.5 แสนลิตร/วัน และจะทำกำไรในปีแรกประมาณ 25 ล้านบาท และภายในปี 2553 ที่มีกำลังผลิตเต็มที่กำไรจะเพิ่มขึ้นเป็น 175 ล้านบาท

นอกจากนั้น ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะเริ่มธุรกิจเทรดดิ้งในต่างประเทศได้ ซึ่งจะมีทั้งการซื้อผลิตภัณฑ์จากนอกประเทศมาจำหน่ายในประเทศ ซื้อจากนอกประเทศและจำหน่ายนอกประเทศ โดยประเทศที่จะเข้าไปเริ่มทำเทรดดิ้ง คือ รัสเซีย แอฟริกา

นายศุภพงษ์ กล่าวว่า ในปี 2551 คาดว่ากำไรจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ประมาณ 400 ล้านบาท ส่วนรายได้น่าจะเพิ่มจากปีก่อนเล็กน้อยที่มีรายได้ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นจะมาจากธุรกิจไบโอดีเซลเป็นหลัก

ทั้งนี้ ในปี 2550 บริษัทมีกำไรสุทธิ พุ่งขึ้น 118% เทียบกับปี 2549 กำไรสุทธิเพียง 183.38 ล้านบาท

ด้านบริษัท ระยองเพียวริฟายเออร์ แจ้งว่า เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ได้ซื้อหุ้นของบริษัทคืนจากตลาดจำนวน 862,000 หุ้น ในราคา 4.44-4.62 บาทต่อหุ้น มูลค่ากว่า 3.91 ล้านบาท และปัจจุบันซื้อหุ้นคืนแล้วทั้งสิ้น 15,333,100 หุ้น คิดเป็น 2.89% ของทุนชำระแล้ว มูลค่ารวมกว่า 75 ล้านบาท

ล่าสุดราคาหุ้น RPC ปิดที่ 4.44 บาท ลดลง 0.04 บาท หรือ 0.89%

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2551