ชี้แจงผลการดำเนินงาน ปี 2551

BackFeb 26, 2009

 

ที่ RPC/HO-SET/ELCID-002/09

เรื่อง : ชี้แจงผลการดำเนินงาน ปี 2551
เรียน: กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

สถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก ช่วงครึ่งแรกของปี 2551 มีความผันผวนอย่างมาก โดยราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคา Gas Oil ในตลาดสิงคโปร์ปรับขึ้นสูงสุดถึง 180.57 USD/BBL ในเดือนกรกฎาคม จากนั้นราคาก็ได้ปรับตัวลดลงมาก อย่างรวดเร็ว และ ต่อเนื่อง ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 เป็นต้นมา จนกระทั่งสิ้นปี 2551 ราคา Gas Oil ปิดที่ 54.32 USD/BBL ลดลงถึง 126.25 USD/BBL ซึ่งเป็นผลมาจาก ปัญหาวิกฤติทางการเงินของ สหรัฐอเมริกา ซึ่งลุกลามไปยังประเทศต่างๆ และเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกอย่างรวดเร็ว

ความผันผวนของราคาน้ำมันที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รุนแรง และต่อเนื่องนี้ ส่งผลกระทบที่ รุนแรง อย่างผิดปกติต่อ Stock น้ำมันของทุกบริษัทในธุรกิจนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งจาก ปริมาณน้ำมันสำรองตามกฎหมาย ที่บริษัทฯ ต้องคง Stock น้ำมันไว้ตลอดเวลา สูงถึงร้อยละ 5 ของปริมาณขายทั้งปี โดยเฉพาะเมื่อราคาน้ำมันทั่วโลกลดลงอย่างรวดเร็ว

บริษัท ระยองเพียวริฟายเออร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ก็ได้รับผลกระทบอย่าง รุนแรง จากสถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัทฯ นี้เช่นเดียวกัน โดยในปี 2551 บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิ 504 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2550 ที่มีกำไรสุทธิ 401 ล้าน บาทแล้ว ผลประกอบการลดลงถึง 905 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 226

ในปี 2551 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 22,535 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,776 ล้าน บาท หรือร้อยละ 9 เมื่อเทียบกับปี 2550 ที่มีรายได้จากการขาย 20,759 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมา จากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมากในช่วงครึ่งปีแรก อย่างไรก็ตาม ต้นทุนขายก็สูงขึ้นมากจากสาเหตุ เดียวกัน ต้นทุนขายในปี 2551 สูงขึ้น 2,855 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2550 คิดเป็นสูงขึ้นร้อย ละ 14 ส่วนปริมาณขายในปี 2551 ลดลงร้อยละ 9.72 จาก 941 ล้านลิตร ในปี 2550 เป็น 850 ล้านลิตรในปี 2551 เนื่องจากการหดตัวของความต้องการใช้น้ำมัน ทั้งภายในประเทศ และ ต่างประเทศ จากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างรวดเร็ว และรุนแรงทั่วโลก

สาเหตุหลักของการขาดทุนในปี 2551 มาจากการขาดทุน จากสต๊อกน้ำมัน (Stock Loss) ในไตรมาสที่ 3 และ 4 ที่สูงถึง 953 ล้านบาท เนื่องจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมัน ในตลาดโลกอย่างรุนแรง รวดเร็ว และต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการทำสัญญาซื้อขาย Crack Spread ล่วงหน้า เพื่อลดความเสี่ยงไว้ระดับหนึ่ง และมีรายได้จากสัญญานี้ถึง 15 ล้านบาทในปี 2551 แล้วก็ตาม นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังมีการบันทึกค่าเผื่อด้อยค่าของผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปบางชนิด ตามมาตรฐานบัญชีจำนวน 15 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2551 ด้วย

ผลพวงจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมากในครึ่งแรกของปี 2551 และการขาดทุนในช่วงครึ่ง หลังของปี ทำให้ความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนระยะสั้นสูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้ดอกเบี้ย จ่ายสูงขึ้น 37 ล้านบาท จาก 31 ล้านบาทในปี 2550 เป็น 68 ล้านบาทในปี 2551 ในขณะที่มี กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 31 ล้านบาทในปี 2551

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคน ได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ใน การปรับลดค่าใช้จ่าย รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนในการผลิต เพื่อลดความรุนแรง ของผลขาดทุน นี้อย่างดีที่สุด

เนื่องจากสภาวะราคาน้ำมัน และสภาวะเศรษฐกิจในปี 2551 เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทุกประเทศในโลก รวมทั้งประเทศไทย อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมา ก่อน และส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของทุกบริษัท ในธุรกิจเดียวกันโดยถ้วนหน้า อย่างไรก็ ตาม บริษัทฯ มั่นใจว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในปี 2552 จากการส่งเสริมสภาพคล่อง และกระตุ้น เศรษฐกิจอย่างเต็มที่ ของภาครัฐในทุกประเทศ จากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับที่ต่ำ จากความ จำเป็นของผู้บริโภค ที่ยังคงต้องใช้น้ำมันในการพัฒนาประเทศ และจากความต้องการใช้น้ำมัน ของประเทศจีนจะยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

แม้ในขณะนี้ ราคาน้ำมันดิบจะยังอยู่ในระดับต่ำมาก ที่ 40 USD/BBL แต่สำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้นในช่วง ครึ่งหลังของปี 2552 หลังจากผ่านจุดต่ำสุดในช่วงครึ่งแรกของปีไปแล้ว และราคาน้ำมันเฉลี่ยใน ปี 2552 น่าจะอยู่ที่ 45-55 USD/BBL ในขณะที่ IMF, Goldman Sachs รวมทั้งเมอร์ริล ลินซ์ คาดว่าราคาน้ำมันดิบ WTI ในปี 2552 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 50 USD/BBL นักวิเคราะห์ของบริษัทน้ำมัน รายใหญ่ของไทยหลายแห่ง คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบในปี 2552 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 50-60 USD/BBL ส่วนศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะอยู่ที่ 60-70 USD/BBL ประกอบกับในช่วงต้นปี 2552 ราคาน้ำมันไม่ผันผวนรุนแรงมากเหมือนปี 2551 บริษัทฯ จึงเชื่อว่า ความเสี่ยงด้าน Stock Loss น่าจะลดลงอย่างมากในปี 2552

นอกจากนั้น ผลจากนโยบายของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นพัฒนาบริษัทในเครือ ในหลากหลาย ธุรกิจมาโดยตลอด ในปี 2552 บริษัท เพียวไบโอดีเซล จำกัด (บริษัทฯ ถือหุ้น 100%) ที่อยู่ใน ธุรกิจผลิตน้ำมันไบโอดีเซลมาตรฐานสากลที่ภาครัฐให้ความสำคัญ และให้การสนับสนุนส่งเสริม อย่างเต็มที่มาโดยตลอด จะมีผลประกอบการเต็มทั้งปี ส่วน บริษัท เพียวสัมมากรดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (บริษัทฯ ถือหุ้น 51%) ก็จะพัฒนาโครงการศูนย์การค้าครบวงจรแห่งใหม่ ที่ถนน รามคำแหง 110 ซึ่งเป็นทำเลทอง และได้รับการตอบรับอย่างสูงจากการทำการตลาดเบื้องต้น บริษัทนี้จะถือโอกาสเริ่มการก่อสร้างโครงการในขณะที่ต้นทุนวัสดุก่อสร้างลดต่ำลงมากในขณะนี้ นอกจากนั้น บริษัท จตุรทิศขนส่ง จำกัด (บริษัทฯ ถือหุ้น 100%) ที่มีผลกำไรมาโดยตลอด ก็จะ มีการขยายธุรกิจขนส่งน้ำมัน เพื่อรองรับการขยายตัวของน้ำมันไบโอดีเซล และการขนส่ง ผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกด้วย การเจริญเติบโตของบริษัทในเครือเหล่านี้ คาดว่าจะส่งผลกำไรกลับมา ยังบริษัทฯ ได้ในระดับที่น่าพอใจในปี 2552

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

ขอแสดงความนับถือ
(นางศิรพร กฤษณกาญจน์)
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ

นักลงทุนสัมพันธ์ / สำนักกรรมการผู้จัดการ
โทร.0-2515-9017
E-mail ir@rpcthai.com

Attachments

  • 0750NWS260220090839064098T.pdf (Size: 74,566 bytes)