ในปี 2567 เราได้เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐไทย แม้ว่าการฟื้นตัวนี้จะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไปและแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงมีบทบาทสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาพลังงาน ความไม่แน่นอนในนโยบายรัฐบาลหลังการเลือกตั้งทั่วโลก รวมถึงการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ และข้อพิพาทในทะเลจีนใต้ที่รุนแรงขึ้น นอกจากนี้ การรวมกลุ่มทางยุทธศาสตร์อย่างไม่เป็นทางการของประเทศ CRINK (จีน รัสเซีย อิหร่าน และเกาหลีเหนือ) ทำให้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมีความซับซ้อนมากขึ้น สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2567 คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตจะอยู่ที่ 2.5% เพิ่มขึ้นจาก 2.0% ในปีก่อน ได้รับการสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยว การบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง
สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังคงเผชิญกับภาวะชะลอตัวจากระดับหนี้สินครัวเรือนที่สูงและอัตราการผิดนัดชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้น แม้จะมีมาตรการต่างๆ เช่น ลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนจำนอง แต่มาตรการเหล่านี้ยังไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นตลาดได้อย่างเต็มที่
ในส่วนของธุรกิจพลังงาน การปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และการเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท บางจากศรีราชา จำกัด (มหาชน) (“BSRC”) ทำให้จำเป็นต้องเปลี่ยนสถานีบริการน้ำมันแบรนด์ “ESSO” เป็น “บางจาก” การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อผลการดำเนินงานของบริษัท เพียว พลังงานไทย จำกัด (“PTEC”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยแห่งหนึ่งของเรา เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ในปี 2567 PTEC จึงตัดสินใจยุติสัญญากับ BSRC และร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเชิงกลยุทธ์กับบริษัท สตาร์ ฟูเอลส์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (“SFL”) ภายใต้ความร่วมมือนี้ มีแผนที่จะปรับปรุงสถานีบริการน้ำมัน 78 แห่งให้เป็นแบรนด์ “คาลเท็กซ์” โดยการเริ่มปรับปรุงในเดือนกันยายน 2567 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2568 นอกจากนี้บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายสถานีบริการและเพิ่มรายได้จากธุรกิจ Non Fuel อย่างต่อเนื่อง
คณะกรรมการบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญในการกำหนด ทบทวน และบริหารจัดการนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน บริษัทฯ มุ่งมั่นพัฒนาในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และแสวงหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรต่อไป ขอให้มั่นใจว่าคณะกรรมการบริษัทฯ และพนักงานทุกคนจะทุ่มเทความสามารถทั้งหมดเพื่อดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
ในนามของคณะกรรมการบริษัทฯ ข้าพเจ้าขอขอบคุณผู้ถือหุ้น คู่ค้า ลูกค้า สถาบันการเงิน ผู้บริหาร และพนักงานทุกท่านอย่างจริงใจที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา บริษัทฯ จะมุ่งมั่นเดินหน้าต่อไป เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง